ท่าอากาศยานนานาชาติกว่างโจวไป๋-ยฺหวิน เป็นท่าอากาศยานหลักของนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้งในประเทศจีน ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในอำเภอไป๋-ยฺหวินและอำเภอฮฺวาตูของนครกว่างโจว เปิดทำการเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2004 เพื่อทดแทนท่าอากาศยานแห่งเก่าที่มีอายุกว่า 72 ปี ท่าอากาศยานแห่งใหม่นี้สร้างขึ้นด้วยงบประมาณกว่า 1.98 หมื่นล้านหยวน มีที่ตั้งห่างจากตัวเมืองกว่างโจวไปทางเหนือราว 27 กิโลเมตร และมีขนาดใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมถึงเกือบห้าเท่า คำว่า “ไป๋-ยฺหวิน” (白云) นั้นเป็นชื่อของภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงท่าอากาศยานแห่งเก่า (ไป๋-ยฺหวินชาน) มีความหมายว่า “เมฆขาว”ก่อนหน้านี้ท่าอากาศยานแห่งใหม่นี้มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคนต่อปีจากการใช้งานอาคารรับส่งผู้โดยสารที่ 1 เพียงอาคารเดียว ในปี 2555 จึงได้เริ่มโครงการขยายท่าอากาศยานซึ่งรวมถึงอาคารผู้โดยสารหลังที่สองขนาด 658,000 ตารางเมตร และทางวี่งที่สาม แล้วเสร็จในปี 2562 ทำให้ท่าอากาศยานมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้ 80 ล้านคน และปริมาณสินค้า 25 ล้านตันต่อปี
ในปี 2562 จากสถิติการใช้งาน ท่าอากาศยานนานาชาติกว่างโจวไป่-ยฺหวินเป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารพลุกพล่านมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน และอันดับ 13 ของโลกโดยมีผู้โดยสาร 73.38 ล้านคน เครือข่ายเส้นทางบินท่าอากาศยานไป๋-ยฺหวินครอบคลุมจุดหมายปลายทางระหว่างประเทศกว่า 220 ปลายทางทั่วโลก รวมถึงระดับภูมิภาคเกือบ 90 ปลายทาง รองรับสายการบินจีนและต่างประเทศเกือบ 80 สายมณฑลกวางตุ้ง หรือ กว่างตง เป็นมณฑลหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศจีน ตั้งอยู่ทางเหนือของทะเลจีนใต้ เมืองหลวงของมณฑลคือ กว่างโจว ประชากรในมณฑลมีจำนวน 113.46 ล้านคน (ข้อมูลปี ค.ศ. 2018) มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 179,800 ตารางกิโลเมตร นับเป็นมณฑลที่มีประชากรมากที่สุด และมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 15 ของประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของมณฑลกวางตุ้งในปี ค.ศ. 2018 มีมูลค่า 1.47 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (9.73 ล้านล้านหยวนจีน) ทำให้เศรษฐกิจของมณฑลมีขนาดใหญ่กว่ามณฑลอื่น ๆ ในประเทศ และเป็นหน่วยการปกครองที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก มณฑลกวางตุ้งเป็นที่ตั้งของเขตอภิมหานครหนึ่งของจีน คือ เขตเศรษฐกิจดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมการผลิต และการค้าระหว่างประเทศ เมืองสำคัญที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจนี้ ได้แก่ กว่างโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑล และเชินเจิ้น ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของประเทศ
มณฑลกวางตุ้งกลายเป็นมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศจีน แซงหน้ามณฑลเหอหนานและมณฑลชานตงไปเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2005 โดยมีผู้อยู่อาศัยถาวรตามทะเบียนบ้านจำนวน 79.1 ล้านคน และผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในมณฑลเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือนจำนวน 31 ล้านคน ประชากรทั้งหมดมีจำนวน 104,303,132 คน ตามข้อมูลในสำมะโนปี ค.ศ. 2010 คิดเป็นร้อยละ 7.79 ของประชากรในจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้มณฑลกวางตุ้งเป็นเขตการปกครองระดับแรกที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศที่อยู่นอกเอเชียใต้ เนื่องจากมีเพียงรัฐดังต่อไปนี้ของประเทศอินเดียเท่านั้นที่มีจำนวนประชากรมากกว่ามณฑลกวางตุ้ง ซึ่งได้แก่ รัฐพิหาร รัฐมหาราษฏระ และรัฐอุตตรประเทศ มณฑลกวางตุ้งที่ปกครองโดยสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบันนั้นครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของมณฑลกวางตุ้งในสมัยก่อน แต่อย่างไรก็ตาม หมู่เกาะปราตัสที่อยู่ในทะเลจีนใต้ ปัจจุบันอยู่ในความควบคุมของสาธารณรัฐจีน (หรือไต้หวัน) ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นส่วนหนึ่งของมณฑลกวางตุ้งก่อนเกิดสงครามกลางเมืองจีน
มณฑลกวางตุ้งมีเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายสูง โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 มณฑลกวางตุ้งครองอันดับสูงสุดในการจัดอันดับจีดีพีรวมในบรรดาเขตการปกครองระดับมณฑลทั้งหมดของประเทศ โดยมีมณฑลเจียงซูและมณฑลชานตงอยู่อันดับสองและสามตามลำดับ ในปี ค.ศ. 2018 จีดีพีของมณฑลขึ้นสูงถึง 1.47 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (9.73 ล้านล้านหยวนจีน) มากกว่าประเทศสเปนที่มีจีดีพี 1.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีจีดีพีมากเป็นอันดับที่ 13 ของโลก มณฑลนี้มีส่วนสนับสนุนประมาณร้อยละ 12 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจทั้งหมดของจีนแผ่นดินใหญ่ และเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตและสำนักงานของบริษัททั้งของจีนและต่างประเทศ มณฑลกวางตุ้งได้รับประโยชน์จากการที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินอย่างฮ่องกง ซึ่งมีพรมแดนติดกันทางทิศใต้ และยังเป็นเจ้าภาพจัดงานนำเข้าและส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในจีน ซึ่งคืองานแคนตันแฟร์ (Canton Fair) จัดขึ้นในเมืองกว่างโจว เมืองหลวงของมณฑลหลังจากการรวมกันของภูมิภาคหลิ่งหนานในราชวงศ์ฉิน ผู้คนจากที่ราบภาคกลางได้อพยพเข้ามาและสร้างวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมทั้งทางด้านภาษา ดนตรี อาหาร การแสดงงิ้ว และพิธีชงชา ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศอื่น ๆ เขตบริหารพิเศษทั้งสองแห่งอันได้แก่ฮ่องกงและมาเก๊า ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางวัฒนธรรมของกวางตุ้งเช่นกัน และยังมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อชาวจีนที่อยู่ในสิงคโปร์และมาเลเซีย”กว่าง” แปลว่า กว้าง หรือ กว้างใหญ่ ชื่อนี้มีบันทึกความเกี่ยวข้องกับภูมิภาคนี้ตั้งแต่การก่อตั้ง มณฑลกว่าง ในปี ค.ศ. 226 สันนิษฐานว่าชื่อ “กว่าง” พัฒนามาจากชื่อเมือง กว่างซิ่น เมืองหน้าด่านที่สร้างขึ้นในราชวงศ์ฮั่น ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหวู่โจว(ในปัจจุบัน) โดยอ้างอิงถึงโองการของจักรพรรดิหวู่แห่งฮั่น และในสมัยนั้นกวางตุ้งและกวางสีถูกเรียกรวมกันว่า สองกว่าง ในสมัยราชวงศ์ซ่ง สองกว่าง ถูกแยกออกจากกันอย่างเป็นทางการ โดยเรียกว่า ฝั่งทางตะวันออกของกว่างของจีนภาคใต้ และ ฝั่งทางตะวันออกของกว่างของจีนภาคใต้ ซึ่งชื่อย่อเป็น กว่างฝั่งตะวันออก และ กว่างฝั่งตะวันตก
ในภาษาอังกฤษ “Canton” (แคน-ตัน) มีรากศัพท์มาจาก Cantão (คำทับศัพท์ในภาษาโปรตุเกสของ กวางตุ้ง) โดยทั่วไปมีความหมายเฉพาะเมืองหลวงของมณฑล คือ กวางโจว ในอดีตในยุโรป(และประเทศที่ใช้อักษรละตินเป็นหลัก) ชื่อ Canton ยังใช้เรียกแทนชื่อมณฑล (กวางตุ้ง) ด้วย การเขียนชื่อ กวางตุ้ง ในระบบเวด-ไจลส์ เขียนได้เป็น ‘Kwangtung’ ปัจจุบันส่วนใหญ่หันมาใช้เป็น Guangdong จากพินอินในภาษาจีนมาตรฐาน และภาษาของกวางโจวใช้เรียกในภาษาอังกฤษว่า Cantonese (แคน-ตัน-นีส) เนื่องจากความสำคัญของภาษาจีนกวางตุ้งในสำเนียงกวางโจวซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑล จึงมักใช้อ้างอิงแทนภาษาจีนกวางตุ้งสำเนียงอื่น ๆ สำหรับผู้พูดที่เกี่ยวข้องกับสายวิวัฒนาการและภาษาจีนกวางตุ้งในเมืองใกล้เคียงได้อีกด้วย เช่น สำเนียงซุ่นเต๋อ สำเนียงเจียงเหมิน สำเนียงกว่างซี ในประเทศจีน ภาษาจีนมาตรฐานใช้ 广东话 เรียก ภาษาจีนกวางตุ้ง (ซึ่งบางครั้งยังผนวกการเรียกภาษาจีนแต้จิวเข้ารวมใน 广东话 อีกด้วยแม้ว่าไม่ได้มาจากรากภาษาจีนกวางตุ้ง แต่ถูกใช้เนื่องจากการแบ่งพื้นที่ทางภูมิศาสตร์)