ท่าอากาศยานนานาชาติเฉิงตูซวงหลิว เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร ในเขตซวงหลิว
ในปี 2552 ท่าอากาศยานแห่งนี้ได้กลายเป็นท่าอากาศยานที่วุ่นวายที่สุดในภาคตะวันตกของจีน มีผู้โดยสารมาใช้บริการทั้งสิ้นกว่า 22,637,762 คนเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ท่าอากาศยานต้องปิดทำการชั่วคราว เนื่องจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวน พ.ศ. 2551ในอนาคต ได้มีแผนการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่ที่เขตจินถัง ซึ่งจะประกอบด้วยรันเวย์ 5 รันเวย์ และเมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะช่วยย่นเวลาในการเดินทางจากตัวเมืองเฉิงตูได้ 30 นาทีเฉิงตู หรืออ่านตามเสียงแต้จิ๋ว เชงโต๋ เป็นนครกึ่งมณฑลซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน เป็นหนึ่งในสามนครที่มีประชากรมากที่สุดในภาคตะวันตกของประเทศจีน โดยอีกสองแห่ง คือ ฉงชิ่งและซีอาน ในปี ค.ศ. 2014 พื้นที่เฉิงตูทั้งหมดมีประชากร 14,427,500 คน ซึ่งมากที่สุดในมณฑลเสฉวน และมีประชากรในเขตเมืองจำนวน 10,152,632 คน เฉิงตูได้รับการจัดระดับว่าเป็นนครโลกระดับเบตาบวก ตามข้อมูลของเครือข่ายวิจัยโลกาภิวัตน์และนครโลก
เฉิงตูตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมินใจกลางมณฑล ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ คำว่าเฉิงตูมีความหมายว่า ค่อย ๆ กลายเป็นเมือง เนื่องจากย้อนไปเมื่อราว 2,000 ปีที่แล้ว ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้มีการจัดการชลประทานขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดเป็นประจำทุกปี เมื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ ชาวนาชาวไร่เพาะปลูกได้ดี ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น คนจึงเริ่มอพยพมาที่เมืองนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ชื่อว่าเฉิงตู
เสฉวน หรือ ซื่อชวน เป็นมณฑลหนึ่งทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน กินพื้นที่ส่วนใหญ่ของแอ่งเสฉวนและพื้นที่ทางตะวันออกสุดของที่ราบสูงทิเบต ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำจินชาทางตะวันตก ภูเขาต้าปาทางเหนือ และที่ราบสูงยูนนาน–กุ้ยโจวทางทิศใต้ เมืองเอกของเสฉวนคือ เฉิงตู มีประชากรในเสฉวนอยู่ที่ 81 ล้านคน
ในสมัยโบราณ เสฉวนเป็นที่ตั้งของรัฐปาและรัฐสู่ ต่อมาได้ถูกพิชิตโดยรัฐฉิน ซึ่งทำให้รัฐฉินแข็งแกร่งขึ้นและปูทางไปสู่การรวมจีนของจิ๋นซีฮ่องเต้กลายเป็นราชวงศ์ฉิน ในยุคสามก๊ก ก๊กสู่ฮั่นของเล่าปี่มีที่ตั้งอยู่ในเสฉวน ในศตวรรษที่ 17 พื้นที่แห่งนี้ได้รับความเสียหายจากการก่อกบฏของจางเซี่ยนจง และถูกปราบโดยแมนจูในเวลาต่อมา แต่ก็ได้รับการฟื้นฟูจนกลายเป็นพื้นที่ที่มีประสิทธิผลมากที่สุดแห่งหนึ่งของจีนในศตวรรษที่ 19 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฉงชิ่งเคยเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของสาธารณรัฐจีน ทำให้ที่นี่เป็นจุดสนใจในการทิ้งระเบิดของญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในพื้นที่สุดท้ายในจีนแผ่นดินใหญ่ที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนยึดได้ในช่วงสงครามกลางเมืองจีน และถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนตั้งแต่ปี 1949 ถึง 1952 โดยฉงชิ่งได้รับการบูรณะในอีกสองปีต่อมา เสฉวนได้ประสบกับทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ในจีนในปี 1959 ถึง 1961 แต่ก็ยังคงเป็นมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดของจีนจนกระทั่งมีการแยกฉงชิ่งเพื่อตั้งขึ้นเป็นเทศบาลนครบริหารโดยตรงในปี 1997
ชาวจีนฮั่นในเสฉวนพูดภาษาจีนกลางด้วยสำเนียงท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในช่วงที่มีการขยายตัวของประชากรในพื้นที่ในสมัยราชวงศ์หมิง ปัจจุบันกลุ่มภาษาถิ่นนี้มีผู้พูดประมาณ 120 ล้านคน ซึ่งทำให้ภาษานี้เป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลกหากนับแยกกัน ด้วยสภาพอากาศที่ชื้นและอบอุ่นในพื้นที่ทำให้อาหารเสฉวนเป็นอาหารที่มีรสชาติเผ็ดมาช้านาน โดยเฉพาะรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของพริกไทยเสฉวนที่กลายเป็นวัตถุดิบหลักของอาหารจีนทั่วโลก เช่น ไก่กังเปา หมาผัวโต้วฟู นปี 1950 มณฑลซีคังถูกยุบและต่อมาถูกแยกไปรวมกับเขตปกครองตนเองทิเบตที่ก่อตั้งขึ้นใหม่และมณฑลเสฉวน ทำให้พื้นที่ทางตะวันตกและตะวันเฉียงเหนือของเสฉวนประกอบด้วยเขตปกครองตนเองของชนชาติทิเบตและชนชาติเชียงสภาพอากาศเป็นแบบกึ่งร้อนชื้น สภาพโดยทั่วไปจะมีความชื้นในอากาศสูง
สภาพอากาศจึงค่อนข้างครึ้มไม่ค่อยมีแสงแดด โดยในรอบสัปดาห์จะมีแสงแดดหรือเห็นพระอาทิตย์เพียงไม่กี่วัน แต่จะมีหมอกปกคลุมเป็นปกติ จนได้รับฉายาว่า “เมืองในหมอก” หรือ “หมาเห่าพระอาทิตย์” ในมลฑลเสฉวนมีการลงทุนภาคอุตสาหกรรมหนัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ โดย First Automotive Works (FAW) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ลงทุนร่วมกับโตโยต้า และมีศูนย์กลางการผลิตแม่พิมพ์เหล็กสำหรับรถยนต์ที่เมืองฉางเฟย